เมนู

สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์เกศกษัตริย์ได้ฟังชัดก็โสมนัสปรีดามีพระราชโองการสรรเสริญว่า
กลฺโลสิ สธุสะพระผู้เป็นเจ้าวิสัชนานี้สมควรจะมนสิการไว้ในกาลบัดนี้
เวทคูปัญหา คำรบ 6 จบเท่านี้

จักขุวิญญาณมโนวิญญาณปัญหา ที่ 7


ราชา

สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดี มีสุนทรพรนารถราชโองการตรัสถามว่า
ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้า จักขุวิญญาณเกิดที่ใด มโนวิญญาณก็ตามไปเกิด
ที่นั้น หรือประการใด
พระนาคเสนจึงรับพระโองการไปว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร
พระองค์ผู้ประเสริฐ จักขุวิญาณบังเกิดในที่ใด มโนวิญญาณก็บังเกิดในที่นั้น
สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นมไหศวรรย์พระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน
ข้าแต่พระนาคเสน โยมยังสงสัยนัก เหตุไรจักขุวิญญาณจึงเกิดก่อน มโนวิญญาณจึงเกิดทีหลัง
กึ ปน หรือว่าสั่งเสียให้กติกาสัญญากันไว้ จักขุวิญญาณบังคับบัญชาไว้กับมโนวิญญาณว่า
อาตมาจะไปเกิดก่อน ท่านจงไปเกิดทีหลัง หรือว่ามโนวิญญาณสั่งจักขุวิญญาณว่า ท่านจงไปก่อน
ตัวข้านี้แลจะไปทีหลัง สั่งเสียกันถ้อยทีถ้อยให้กติกาสัญญากันไว้กระนี้ หรือประการใด
พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า ใช่ว่าธรรมทั้งหลายจะสั่งสนทนาพูดจากันไว้หามิได้
พระเจ้ากรุงมิลินท์จึงตรัสว่า ก็อย่างไรเล่าพระผู้เป็นเจ้า จงวิสัชนาไป
พระนาคเสนจึงวิสัชนาแก้ไขว่า นินฺนตฺตา มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระ
ราชมภาร จักขุวิญญาณเกิดที่ใด มโนวิญญาณที่เกิดที่นั้น นินฺนตฺตา เหตุภาวะเคยไหลไปที่
ลุ่ม ทฺวารตฺตา เหตุว่าเป็นทวารเคยไป จิณฺณตฺตา เหตุว่าสั่งสมเคยไปทุกที่ด้วยกัน
สมุทาจรณตฺตา เหตุภาวะเหมือนจะชักชวนกันไป เหตุภาวะ เคยชำนิชำนาญกันมาแต่ก่อน
สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นประชากร มีสุนทรราชโองการซักว่า ที่พระผู้เป็นเจ้าวิสัชนา
่ว่า จักขุวิญญาณเกิดที่ใด มโนวิญญาณก็เกิดในที่นั้น นินฺนตฺตา เหตุภาวะไหลตามกันไปที่ลุ่ม
จงทำอุปมาให้โยมสิ้นสงสัยก่อน

พระนาคเสนจึงมีเถรวาจาว่า ขอถวายพระพร เปรียบดุจฝนตกลงมา ธารา จ ท่อน้ำ
ฝน นั้นจะไหลไปข้างไหนเล่า
พระเจ้ากรุงมิลินท์จึงตรัสว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ที่ลุ่มที่ไหน ท่อน้ำฝนก็ไหลไปที่นั้น
พระนาคเสนองค์อรหันต์จึงถามว่า เมื่อน้ำฝนตกลงมานั้นไหลไปสู่ที่ลุ่มดังพระโองการ
ตรัสนี้ ยังจะฝนอีกห่าหนึ่งตกลงมา วสฺสธารา ท่อน้ำฝนนั้นไซร้จะไหลไปสู่ประเทศที่ใดเล่า
พระเจ้ากรุงมิลินท์จึงตรัสว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ห่าฝนที่ตกลงมาทีหลังนั้นเล่าก็ไหลไป
สู่ที่ลุ่มนั้น
พระนาคเสนจึงมีเถรวาจาก่อน ขอถวายพระพร ฉันใดก็ดี จักขุวิญญาณเกิดที่ใด มโน
วิญญาณก็เกิดที่นั้น เหตุว่าไหลไปสู่ที่ลุ่มเหมือนธาราน้ำฝนอันไหลไปสู่ที่ลุ่มนั้นสิ้น
สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน
ข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้า ที่ว่าจักขุวิญญาณเกิดในที่ใด มโนวิญญาณเกิดในที่นั้น ทฺวารตฺตา
เหตุภาวะเป็นทวารอันเคยไปอันเดียวกันนั้นอย่างไร จะกระทำอุปมาไปก่อน
พระนาคเสนจึงอุปมาว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาค เปรียบปาน
ดุจปัจจัยตนครเมืองต่อแดนชนแดนกันมีกำแพงเชิงเทินหอรบแน่นแฟ้นสำหรับรบราชศัตรู
แต่เมืองนั้นมีประตูเดียว ก็ยังมีบุรุษผู้หนึ่งปรารถนาจะเที่ยวไปนอกพระนครนั้นจะออกไปทางไร
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นกษัตริย์ตรัสบอกไปว่า บุรุษผู้นั้นก็คมนาคมคลาไคลออกไป
ตามประตูนั้นนั่นซิ พระผู้เป็นเจ้า
พระนาคเสนจึงถามว่า ยังจะมีบุรุษอื่นเล่าปรารถนาจะไปเที่ยว ปรารถนาจะออกจากนคร
เหมือนกัน บุรุษผู้หนึ่งนั้นจะไปทางไร
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นกษัตริย์ก็ตรัสแก้ไขว่า บุรุษผู้นั้นก็ไปตามประตูนั้นนั่นแหละ พระ
ผู้เป็นเจ้า
พระนาคเสนจึงถามอีกเล่าว่า ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร บุรุษทั้งสองให้
ปฏิญญาณกันไว้หรือกระไร บุรุษที่ไปก่อนบังคับบัญชาว่ากับบุรุษที่ไปหลังนั้นว่า ข้าจะไปก่อน
ท่านจงค่อยสัญจรไปทีหลัง บังคับบัญชากันฉะนี้หรือกระไร หรือว่าบุรุษที่ไปทีหลังบังคับบัญชา
แก่บุรุษที่ไปก่อนว่า ท่านจงคมนาการไปก่อน เราจะสัญจรไปต่อภายหลัง บังคับบัญชาพูดจา
ปราศรัยกันไว้ดังนี้ หรือกระไรน่ะ บพิตรพระราชสมภาร

พระเจ้ากรุงมิลินท์พระราชโองการตรัสว่า หามิได้น่ะผู้เป็นเจ้า เหตุว่าเขาต้องจำจะออก
ไปประตูเดียวกันนั้น
พระนาคเสนจึงว่า ขอถวายพระพร ถ้าฉะนั้นจักขุวิญญาณกับมโนวิญญาณนี้มีทวารอัน
เดียวกัน เราจะสัญญาพูดจาว่ากล่าวกันว่าท่านจงไปก่อนเรา เราจะสัญจรไปทีหลังหามิได้
พระเจ้ากรุงมิลินท์เลิศกษัตริย์ตรัสถามว่าไปว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็น
เจ้า ที่กล่าวว่าจักขุวิญญาณเกิดในที่ใด มโนวิญญาณก็เกิดในที่นั้น จิณฺณตฺตาย เหตุภาวะเคยไป
นั้นเป็นประการใด นิมนต์กระทำอุปมาไปให้แจ้งก่อน
พระนาคเสนถวายพระพรว่า บพิตรพระราชสมภาร เปรียบปานดุจเกวียนเข็นไปทาง
เดียวกันสองเล่ม เล่มหนึ่งไปก่อนเล่มหนึ่งไปทีหลัง เกวียนที่ไปก่อนบังคับบัญชาเกวียนไปทีหลัง
หรือว่าข้าจะไปก่อน ท่านจงสัญจรไปทีหลัง หรือว่าเกวียนเล่มหนังบังคับบัญชาเกวียนเล่มก่อนว่า
ท่านจงไปก่อน เราจะค่อยสัญจรไปต่อภายหลัง บังคัญชาพูดจากันไว้หรือประการใด น่ะบพิตร
พระราชสมภาร
พระเจ้ากรุงมิลินท์นริทรภูมิบาลมีพระราชโองการตรัสว่า ใช่เกวียนทั้งสองจะได้ให้
กติกาสัญญาบังคบัญชา พูดจาปราศรัยสั่งเสียกันไว้หามิได้ จิณฺณตฺตาย เหตุภาวะเคยไป
แต่ก่อน
พระนาคเสนถวายพระพรว่า ความนี้มีอุปมาฉันใดก็ดี จักขุวิญญาณกับมโนวิญญาณนี้
ก็เหมือนกัน จะได้บังคับบัญชาให้กติกาสัญญากันหามิได้ เหตุภาวะเคยเกิดตามกัน เหมือน
เกวียนสองเล่มอันเคยไปด้วยกันนั่นแหละ น่ะบพิตรพระราชสมภาร
สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์นริทรภูมิบาลจึงมีพระราชโองการตรัสถามต่อไปอีกกล่าว
ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้าผู้ประกอบด้วยญาณปรีชา ที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวไว้
กับโยมว่า จักขุวิญญาณเกิดที่ใด มโนวิญญาณก็เกิดที่นั้น สมุทาจรณตฺตา เหตุภาวะชำนาญ
จะได้ความประการใด นิมนต์กระทำอุปมาให้โยมสิ้นสงสัยก่อน
พระนาคเสนจึงอุปมาวา มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร เปรียบปาน
ดุจคนเรียนเลขนับอ่านและเรียนวิชาต่าง ๆ แรกกระทำนั้นยังไม่ชำนิชำนาญ ก็ยังขัดยัง
ขวางในที่จะคูณหาร ครั้นนานมา ก็คล่องว่องไวนักหนาผสมเลขผสมชำนาญคิดอ่านได้ฉับไว
สมุทาจรณตฺตา เหตุภาวะชำนิชำนาญฉันใดก็ดี จักขุวิญญาณกับมโนวิญาณ มีสภาวะ
ชำนิชำนาญ เหมือนบุคคลอ่านอักษรนับเบี้ยคูณหารเลขที่ชำนาญฉะนั้น ใช่ว่าจักขุวิญญาณ

กับมโนวิญญาณจะบังคับบัญชาสัญญากันไว้า เตสํ อลฺลาปสลฺลาโป ธรรมทั้งสองจะพูดจาไปมา
หากันก็มิได้ ทฏฺฐพฺพานิ บพิตรพึงเข้าพระทัย ด้วยอุปมาอุปไมยดังนี้เถิด
สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์กรุงมิลินท์ผู้ประเสริฐทรงฟังก็ปรีดาตรัสว่า กลฺโลสิ สธุสะพระ
ผู้เป็นเจ้าวิสัชนานี้สมควรนักหนา
จักขุวิญญาณมโนวิญญาณปัญหา คำรบ 7 จบเท่านี้

ผัสสลักขณาปัญหา ที่ 8

พระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน ข้า
แต่พระนาคเสนผู้ประเสริฐ จักขุวิญญาณเกิดในที่ใด เวทนาก็บังเกิดในที่นั้นหรือ พระผู้เป็นเจ้า
เถโร ฝ่ายพระนาคเสนเถระผู้เป็นเจ้าจึงรับว่า อาม เออ มหาราช ขอถวายพระพร
บพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐ จักขุวิญญาณเกิดในที่ใด เวทนาก็บังเกิดในที่นั้น อันว่าเจตสิก-
ธรรมคือ สัญญาและเจตนา ผัสโส มนสิกาโรก็บังเกิดด้วยในที่นั้น วิตกบังเกิดในที่นั้น วิจาร
ก็บังเกิดในที่นั้น อันว่าผัสสาทิธรรมทั้งปวงก็บังเกิดด้วยในที่นั้นสิ้น
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน ข้า
แต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้าผู้ประกอบด้วยปรีชา ผัสสะมีลักษณะเป็นประการใด
พระนาคเสนจึงวิสัชนาแก้ไขว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรผู้ประเสริฐ ผัสสะ
เมื่อจะเกิดมีลักษณะกระทบกันเข้า
พระเจ้ากรุงมิลินท์จึงซักถามว่า ได้ใจความประการใดเล่า นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าวิสัชนา
โดยอุปมาให้แจ้งก่อน
พระนาคเสนจึงถวายพระพรอุปมาว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร
ผู้ประเสริฐในศฤงคาร เปรียบปานดุจแพะสองตัวชนกัน แพะตัวหนึ่งนั้นได้แก่จักขุ แพะ
ตัวหนึ่งนั้นได้แก่รูป สันนิบาตแห่งแพะทั้งสองชนกัน ยถา มีครุนาฉันใด ผัสสะนั้นมีลักษณะ
เกิดแต่จักขุกับรูปกระทบกันมีครุวนาดังนี้ พระราชสมภารพึงเข้าพระทัยเถิด
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์เลิศกษัตริย์ตรัสว่า นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าอุปมาให้ภิยโยภาวะยิ่งขึ้น
ไปกว่านี้